เครียดสะสม เหนื่อยตลอดเวลา สัญญาณของอาการฮอร์โมนไม่สมดุล
ฮอร์โมนอาจขาดสมดุลได้ แม้อายุเพียง 20+ มาปรับสมดุลฮอร์โมน จุดเริ่มต้นของการสร้างสุขภาพดีและชีวิตที่ยืนยาว
ในช่วงอายุ 20 ต้น ๆ เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตสนุกอย่างเต็มที่ ทั้งการใช้ชีวิต การรับประทานอาหาร การดื่มสังสรรค์ จึงนับเป็นช่วงวัยที่มีความสำคัญต่อสุขภาพ สิ่งที่คุณอาจคาดไม่ถึงคือภาวะฮอร์โมนขาดความสมดุล ฮอร์โมนเป็นสารเคมีที่สำคัญในร่างกายซึ่งควบคุมการทำงานต่างๆ เช่น การเจริญเติบโต เมแทบอลิซึม และการสืบพันธุ์ ความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมนอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม อายุ และพฤติกรรม ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในเพศชายและเพศหญิง
ความไม่สมดุลของฮอร์โมนในผู้หญิงสามารถนำไปสู่สภาวะต่างๆ เช่น PCOS (ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ) ประจำเดือนมาไม่ปกติ อารมณ์แปรปรวน และภาวะมีบุตรยาก ผู้ชายยังสามารถพบกับความไม่สมดุลของฮอร์โมนที่ทำให้ความต้องการทางเพศลดลง หย่อนสมรรถภาพทางเพศ และอารมณ์แปรปรวน อาการทั่วไปของความไม่สมดุลของฮอร์โมนในทั้งสองเพศ ได้แก่ ความเหนื่อยล้า น้ำหนักขึ้น และการรบกวนการนอน หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา ความไม่สมดุลของฮอร์โมนอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน ภาวะมีบุตรยาก โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และโรคกระดูกพรุน เป็นต้น
ในผู้ป่วยที่อายุน้อย อาจพบปัญหาต่างๆ เช่น การเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ที่ล่าช้า รอบเดือนผิดปกติ ปัญหาด้านการเจริญเติบโตและพัฒนาการ และอารมณ์แปรปรวน PCOS และความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ เมื่อเกิดปัญหาเหล่านี้การรักษาทางการแพทย์ เช่น การให้ยาฮอร์โมนทดแทน(HRT) หรือการใช้ยาเพื่อควบคุมการทำงานของต่อมไทรอยด์อาจมีความจำเป็นในบางกรณี ส่วนการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น การออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์สามารถช่วยได้เช่นกัน
ฮอร์โมนหลัก ๆ ที่มีผลต่อร่างกายของผู้หญิง ประกอบด้วยอะไรบ้าง
- ฮอร์โมนเอสโตรเจน - เป็นฮอร์โมนหลักของผู้หญิง และมีหน้าที่ควบคุมระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง มีผลต่ออารมณ์ ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น มีผลต่อการสร้างและสลายกระดูก
- ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน – เป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่ มีส่วนสำคัญในการควบคุมภาวะไข่ตก และการมีประจำเดือน ฮอร์โมนนี้มีความสำคัญอย่างมากกับการตั้งครรภ์ในระยะแรก
- ฮอร์โมนคอร์ติซอล - เป็นฮอร์โมนที่มีหน้าที่สำคัญในการตอบสนองต่อความเครียด และทำหน้าที่ควบคุมระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย เช่น ระบบภูมิคุ้มกัน การเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อตอบสนองต่อความเครียด แต่หากหลั่งออกมาในปริมาณมากสามารถส่งผลเสียต่อร่างกายได้
- ฮอร์โมนไทรอยด์ – ฮอร์โมนเหล่านี้ทำหน้าที่สำคัญในการควบคุมระบบต่าง ๆ ในร่างกาย อีกทั้งมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ ควบคุมการเต้นของหัวใจ อุณหภูมิร่างกาย และระบบการเผาผลาญภายในร่างกาย เป็นต้น
เมื่อร่างกายมีความเครียดสะสม ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) เพื่อไปจัดการความเครียด เมื่อร่างกายใช้ฮอร์โมนคอร์ติซอลไปมากๆ จึงต้องดึงโปรเจสเตอโรน ( Progesterone) มาใช้ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมความเครียดจึงส่งผลต่อรอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือมี Premenstrual Syndrome ได้ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อฮอร์โมนต่อมหมวกไตอีกตัวหนึ่งก็คือ DHEA ทำให้มีอาการเหนื่อย เพลีย ไม่สดชื่น อารมณ์แปรปรวน นอกจากนี้ DHEA ยังสามารถเปลี่ยนไปเป็นฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ได้ด้วย ความเครียดจึงมีผลต่อฮอร์โมนทั้งชายและหญิง
จะเห็นได้ว่าความสมดุลฮอร์โมนในร่างกายเราเป็นสิ่งสำคัญเพราะฮอร์โมนแต่ละตัวล้วนพึ่งพากันและกัน ทำให้ร่างกายของเราทำงานประสานกันอย่างเป็นระบบ โดยความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพียงแค่ 1-2 ตัวนั้น ก็อาจก่อให้เกิดภาวะหรืออาการผิดปกติต่างๆ เช่น ระบบการเผาผลาญในร่างกายลดลง ปริมาณไขมันที่สะสมในร่างกายเพิ่มขึ้น นอนหลับยากขึ้น หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า ผิวแห้งกร้านหมองคล้ำ ไม่สดใส ความต้องการทางเพศลดลง ดังนั้นจึงควร ตรวจฮอร์โมนและปรับระดับฮอร์โมนให้เข้าสู่ภาวะสมดุลอีกครั้ง นอกจากนี้อาจมีการเสริมวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น วิตามินดี สังกะสี เป็นต้น