ส่งเสริมสุขภาพด้วยการเติมจุลินทรีย์สายพันธุ์ดี
- ช่วยการย่อยอาหารชนิดกากใย ให้กลายเป็นกรดไขมันสายสั้น (Short-chain fatty acids) ที่มีประโยชน์กับร่างกาย
- ช่วยการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันส่วนใหญ่ของร่างกายอยู่บริเวณลำไส้หรือทางเดินอาหาร
- ส่งผลต่อสุขภาพสมอง โดยมีส่วนช่วยการผลิตและทำงานของสารสื่อประสาท มีความสัมพันธ์โดยตรงกับสมอง ที่เรียกว่า Gut-brain Axis
- ช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอล และความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน
ในขณะเดียวกัน จุลินทรีย์ที่ไม่ดีก็มีบทบาทในทางตรงกันข้าม เช่น จุลินทรีย์บางชนิดสามารถผลิตสารที่เพิ่มความเสี่ยงการเกิดหลอดเลือดอุดตันได้ สารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ หรือบางชนิดก็ทำให้เกิดอาการลำไส้แปรปรวนได้ เมื่อไรก็ตามที่ร่างกายเรามีเชื้อจุลินทรีย์ไม่สมดุล หรือมีเชื้อที่ไม่ดีมากเกินไป ก็จะทำให้เกิด ”ภาวะจุลินทรีย์ไม่สมดุล” หรือที่เรียกว่า “Gut Dysbiosis” โดยอาจมีอาการแสดงเบื้องต้น คือ ท้องอืด ปวดท้อง ภูมิแพ้ เป็นต้น เมื่อปล่อยไว้นานๆก็อาจกลายเป็นโรคได้ ดังนั้น เราจึงต้องรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ไม่ให้มีเชื้อก่อโรคมากเกินไป วิธีง่ายๆ ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีจุลินทรีย์ที่ดี เช่น โยเกิร์ต กิมจิ คอมบุชา เป็นต้น เลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย อาหารประเภทกากใย รวมถึงการป้องกันการทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่ดี ได้แก่ หลีกเลี่ยงการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น ผ่อนคลายความเครียด หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ เป็นต้น
เลือกทาน Probiotics อย่างไรให้ได้ประโยชน์
- เลือกสายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติที่ต้องการ เช่น Bifidobacterium, Lactobacillus เป็นต้น
- เลือกชนิดที่ทนต่อกรดในกระเพาะอาหาร
- มีปริมาณจุลินทรีย์เพียงพอ โดยดูจากปริมาณ CFU (Colony Forming Unit) ที่ระบุไว้
- รับประทานร่วมกับ Prebiotics หรืออาหารของเชื้อจุลินทรีย์ เพื่อช่วยให้ Probiotics ทำงานได้ดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงการรับประทาน Probiotics ร่วมกับยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย