วิตามินหรืออาหารเสริมจำเป็นต่อร่างกายหรือไม่
วิตามินหรืออาหารเสริมจำเป็นต่อร่างกายหรือไม่?
ถ้าถามว่า ร่างกายเราต้องการอาหารเสริม วิตามิน หรือไม่ หมอต้องบอกว่าเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดนะคะ เพราะว่า สารอาหารที่ร่างกายเราต้องการ ก็มาจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไปนี่แหละค่ะ แต่ถ้าจะตอบว่าไม่ต้องทานอาหารเสริมเลย ก็อาจจะไม่ถูกอีกค่ะ เพราะเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า เราได้รับสารอาหารเพียงพอแล้วหรือยัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ไม่มีเวลาเตรียมอาหารเอง ต้องรับประทานอาหารนอกบ้านที่มีข้อจำกัดหลายอย่าง นอกจากนี้ยังไม่รวมถึงผลเสียจากการรับประทานอาหารชนิดมากเกินไป และหรือได้รับสารอาหารปริมาณน้อยเกินไป อาจไม่เพียงพอในระดับที่จะช่วยชะลอวัยและป้องกันการเกิดโรค วันนี้หมอจะมายกตัวอย่างสารอาหารที่สำคัญและปริมาณที่มีส่วนช่วยชะลอวัยกันค่ะ
- Vitamin C เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสเจ็บป่วยบ่อย ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เป็นองค์ประกอบสำคัญให้ผิวดูเต่งตึง ไม่แก่ก่อนวัย
แหล่งอาหาร : ผลไม้รสเปรี้ยว ส้ม ฝรั่ง กีวี่ สตรอเบอร์รี่ คะน้า บร็อคโคลี่ แขนง
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : 1,000 – 2,000 mg **ควรระมัดระวังในผู้ป่วยโรคไต
- Vitamin E เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง มีส่วนช่วยปกป้องหัวใจ ชะลอการเกิดอัลไซเมอร์ เสริมฤทธิ์ดีขึ้นเมื่อรับประทานร่วมกับวิตามินซี
แหล่งอาหาร :น้ำมันเมล็ดทานตะวัน น้ำมันรำข้าว น้ำมันเมล็ดองุ่น อัลมอนด์ วอลนัท ถั่วพีแคน เมล็ดฟักทอง
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : 200 – 400 IU
- Vitamin D ช่วยการดูดซึมแคลเซียม ทำให้กระดูกแข็งแรง ลดการเกิดโรคกระดูกพรุน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยป้องกันมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ในเพศหญิง ร่างกายสามารถสร้างวิตามินดีจากแสงแดดอ่อนยามเช้า
แหล่งอาหาร : ปลาแซลมอน ปลาซาดีน ปลาทูน่า ปลาทู ปลาเทราท์
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : 600 – 4,000 IU ขึ้นกับอายุและการขาดวิตามิน
- Magnesium เป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ มีผลต่อความแข็งแรงของกระดูกและฟัน ช่วยควบคุมสมดุลแคลเซียม ป้องกันการเกิดตะคริว ปวดศีรษะไมเกรน เพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด
แหล่งอาหาร : เมล็ดฟักทอง เมล็ดเจีย งาดำ เมล็ดแฟกซ์ ถั่วบราซิล
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : 250 - 500 mg
- Zinc แร่ธาตุที่สำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยการทำงานของฮอร์โมน ช่วยลดการอักเสบ ช่วยสร้างความแข็งแรงของเนื้อเยื่อ ช่วยสมานแผล นอกจากนี้ยังช่วยในกระบวนการสร้างอสุจิของเพศชายอีกด้วย
แหล่งอาหาร : หอยนางรม เนื้อวัว เห็ดหอม เมล็ดฟักทอง
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : 25 – 50 mg
- N-Acetyl-L-Cysteine (NAC) เป็นกรดอะมิโนที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยตับกำจัดสารพิษ ช่วยกำจัดเสมหะในทางเดินหายใจ นอกจากนี้ยังมีผลช่วยให้ผิวพรรณดูกระจ่างใสเมื่อรับประทานร่วมกับวิตามินซี
แหล่งอาหาร : เนื้อสัตว์ โยเกิร์ต ชีส ไข่ และธัญพืช
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : 600 mg
- Coenzyme Q10 เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างพลังงานระดับเซลล์ โดยเฉพาะระบบหัวใจและกล้ามเนื้อที่ต้องใช้พลังงานมาก จึงมีประโยชน์ในการปกป้องหัวใจ และผิวพรรณด้วยค่ะ
แหล่งอาหาร : เนื้อสัตว์ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และเครื่องในสัตว์ ตับ
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : 30 - 100 mg
- Alpha Lipoic Acid เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายได้ทั้งในน้ำและไขมัน สามารถแทรกซึมได้ทั่วร่างกาย จึงมีประโยชน์มาก ช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ ช่วยเร่งการขับสารพิษ นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดโดยทำให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินดีขึ้น ลดผลแทรกซ้อนจากเบาหวาน
แหล่งอาหาร : เมล็ดเจีย เมล็ดแฟลกซ์ วอลนัท น้ำมันคาโนล่า
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : 150 – 300 mg
- Omega-3 หรือน้ำมันปลา ที่ได้จากปลาทะเลน้ำลึก ประกอบด้วยสารสำคัญ คือ DHA และ EPA มีส่วนช่วยลดการอักเสบ ทำให้เลือดไหลเวียนดี มีส่วนช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง ช่วยบำรุงหัวใจ แต่ต้องระมัดระวังในผู้ป่วยหรือผู้ที่ใช้ยาบางชนิด เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจที่มีการใช้ยาละลายลิ่มเลือด หรือผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด
แหล่งอาหาร : เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย ปลาแซลมอน วอลนัท เต้าหู้ อะโวคาโด
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน : 1,000 – 2,000 mg
ทั้งนี้ปริมาณและสารอาหารที่หมอแนะนำไปเบื้องต้นเท่านั้นนะคะ แต่ละคนย่อมมีปัจจัยและสภาวะสุขภาพที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าควรเจาะเลือดเพื่อทราบปริมาณที่ร่างกายต้องการ ไม่มากเกินไปจนเกิดพิษ หรือน้อยเกินไปจนไม่มีประสิทธิภาพ และปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและปลอดภัยค่ะ