อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ปัญหาใกล้ตัวที่ควรใส่ใจก่อนสาย

“อ่อนเพลีย” เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายอายุมากขึ้น รวมทั้งได้รับการกระตุ้นจากปัจจัยอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อพลังงานภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายและสมองรู้สึกอ่อนล้า นอกจากนี้ ความอ่อนเพลียยังส่งผลให้รู้สึกไม่สบายตัว เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง ปวดเมื่อยตามตัว จนก่อให้เกิดภาวะอ่อนล้าเรื้อรัง (Chronic Fatigue Syndrome หรือ CFS) ซึ่งอาจส่งผลกระทบในระยะยาวทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไป ไม่สดชื่นสดใสและไร้พลังงานที่จะใช้ชีวิตตามปกติได้เหมือนอย่างเคย

ใครที่รู้สึกว่าตัวเองเข้าข่ายมีภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง มาดูกันดีกว่าว่าอาการนี้มีสาเหตุมาจากอะไร ร่างกายคุณมีภาวะนี้จริงหรือไม่ และหากเป็นอยู่ จะสามารถรับมืออย่างถูกวิธีอย่างไรได้บ้าง

 

สาเหตุภาวะของความอ่อนเพลียที่ควรรู้

อาการเหนื่อยล้า รู้สึกเพลียผิดปกติ เกิดได้จาก 4 ปัจจัยหลักด้วยกัน ได้แก่

  1. ปัจจัยการดำเนินชีวิต : อาจเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียดสูง การบริโภคอาหารที่ไม่มีประโยชน์ การออกกำลังกายไม่เหมาะสม และการใช้สารเสพติด สิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อความสมดุลของฮอร์โมน
  2. ปัจจัยทางสุขภาพ : อาจเกิดจากโรคต่าง ๆ เช่น โรคโลหิตจาง โรคเบาหวาน ภาวะตับทำงานผิดปกติ การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียบางชนิด อาการอักเสบเรื้อรัง รวมถึงผลข้างเคียงจากการรักษาโรค เช่น เคมีบำบัด ฉายรังสี หรือการใช้ยาบางชนิด
  3. ปัจจัยทางด้านฮอร์โมน : ฮอร์โมนที่ส่งผลต่อพลังงานและความเหนื่อยล้าโดยตรง ได้แก่
  • ฮอร์โมนไทรอยด์ หากร่างกายสร้างได้น้อย จะส่งผลให้รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่มีเรี่ยวแรง
  • ฮอร์โมนต่อมหมวกไต หากเครียดมาก จะส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนชนิดนี้และทำให้รู้สึกไม่มีแรง
  • ฮอร์โมนเพศ หากร่างกายผลิตฮอร์โมนเหล่านี้ไม่สมดุล จะส่งผลให้รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง

 4. ปัจจัยจากการขาดวิตามินและแร่ธาตุบางชนิด : การขาดวิตามินบี วิตามินดี แมกนีเซียม และสังกะสี ซึ่งพบมากในธัญพืช เนื้อสัตว์ นม และไข่ อาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียได้

 

ภาวะบ่งชี้อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง

  • มีปัญหาในการนอนหลับ รู้สึกว่านอนหลับไม่สนิท หรือนอนเท่าไรก็ไม่พอ
  • ไม่สดชื่นเมื่อต้องตื่นนอนตอนเช้า
  • อ่อนเพลีย ง่วงนอนในช่วงระหว่างวัน
  • ประสิทธิภาพการทำงานลดลงเมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอ

  • ปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ
  • ไม่ค่อยมีสมาธิ ความจำไม่ค่อยดี
  • ปวดเมื่อยตามตัวและข้อกระดูก
  • รู้สึกอ่อนแรงโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน

  • ต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้หรือที่คอมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือรู้สึกเจ็บ

 

วิธีจัดการกับความอ่อนเพลียด้วยตนเอง.jpg


ผลกระทบของอาการเหนื่อยล้าต่อสุขภาพ

อาการเหนื่อยล้าไม่ได้ส่งผลแค่ให้รู้สึกอ่อนแรงเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้

  1. ส่งผลต่อการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน : อาการอ่อนเพลียเรื้อรังอาจทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม
  2. ส่งผลต่อสุขภาพจิต : ผู้ที่มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรังมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล
  3. เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง : อาการอ่อนเพลียเรื้อรังอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคอื่น ๆ หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังในอนาคต

 

วิธีจัดการกับความอ่อนเพลียด้วยตนเอง

หากรู้สึกว่าตัวเองกำลังมีอาการอ่อนเพลีย คุณสามารถดูแลตนเองได้ง่าย ๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ดังนี้

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ : เริ่มจากการออกกำลังกายเบา ๆ เช่น การเดินระยะสั้น เพราะการออกกำลังกายหนักอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้ามากขึ้น
  • รับประทานอาหารและดื่มน้ำอย่างพอเหมาะ : เน้นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินบี วิตามินดี แมกนีเซียม และสังกะสี
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ : สร้างนิสัยการนอนที่ดีเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่
  • จัดการความเครียด : เผชิญหน้าและแก้ไขปัญหาที่เป็นสาเหตุของความเครียด อาจปรึกษาคนใกล้ชิดหรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อแบ่งเบาปัญหาหรือรับฟังความเครียด
  • ทำกิจกรรมผ่อนคลาย : ลองทำกิจกรรม เช่น การเล่นโยคะ นั่งสมาธิ หรือออกไปพักผ่อนนอกบ้าน
  • หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี : พยายามอยู่ห่างจากพื้นที่ที่มีเสียงดังและมลภาวะสูง
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ และยาเสพติด : สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลเสียต่อสุขภาพและอาจทำให้อาการอ่อนเพลียแย่ลง

 

เมื่อไรที่เราควรไปพบแพทย์

หากคุณมีอาการอ่อนเพลียร่วมกับอาการต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์โดยด่วน

  • เจ็บหน้าอก
  • หอบเหนื่อย
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • รู้สึกคล้ายจะเป็นลม
  • ปวดท้องหรือศีรษะรุนแรง
  • ปวดเมื่อยตามตัวอย่างรุนแรง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคุณจะยังไม่มีอาการรุนแรงถึงขั้นที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน แต่การปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันและรักษาอาการอ่อนเพลียเรื้อรังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ADDLIFE ตรวจหาสาเหตุและรักษาอาการอ่อนเพลียได้อย่างตรงจุด

ที่ ADDLIFE เรามีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย สามารถตรวจหาสาเหตุและทำการรักษาอาการอ่อนเพลียได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัดระดับวิตามินและแร่ธาตุในเลือด การตรวจสุขภาพประจำปี และโปรแกรมดูแลสุขภาพอื่น ๆ ที่จะช่วยฟื้นฟูพลังงานให้ร่างกายกลับมาสดชื่น กระปรี้กระเปร่า พร้อมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครั้ง


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

บริษัท แอดไลฟ์ จำกัด Life Center อาคารคิวเฮ้าส์ลุมพินี ชั้น 2 ห้อง 201
เดินทางสะดวกด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีลุมพินี ทางออก 2
เปิดบริการทุกวัน เวลา 7.00-18.00 น.

ติดต่อเราเพื่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE @addlife โทร 02 677 7077

 

Q&A : ภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง
 

Q: อาการอ่อนเพลียเรื้อรังสามารถรักษาได้หรือไม่ ?</H3>

A: อาการอ่อนเพลียเรื้อรังสามารถรักษาได้ โดยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต การรักษาด้วยยาหรือฮอร์โมน และการจัดการความเครียด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและแผนการรักษาที่เหมาะสม

 

Q: การรักษาอาการอ่อนเพลียเรื้อรังมีวิธีอะไรบ้าง ?

A: การรักษาอาการอ่อนเพลียเรื้อรังอาจรวมถึงการให้วิตามินทางหลอดเลือด การบำบัดด้วยฮอร์โมน การปรับอาหาร การออกกำลังกาย และการบำบัดทางจิตใจเพื่อจัดการความเครียด

 

Q: ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะฟื้นตัวจากอ่อนเพลียเรื้อรัง ?

A: ระยะเวลาในการฟื้นตัวขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ โดยอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อการรักษา

 

Q: จะป้องกันอาการอ่อนเพลียเรื้อรังได้อย่างไร ?

A: การป้องกันอาการอ่อนเพลียเรื้อรังสามารถทำได้โดยการจัดการความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ การพักผ่อนที่เพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

 

โปรแกรมการตรวจวินิจฉัย

โปรแกรมรักษาระบบพลังงาน

thumbnails-symptoms-fatigue-energy-program.jpg
โปรแกรมเพิ่มพลังงาน

การรักษาระบบพลังงาน

เครื่องมือที่ใช้รักษาระบบพลังงาน