ง่วงนอนตลอดเวลา นอนเท่าไรก็ไม่พอ ร่างกายกําลังบอกอะไร ?
เคยรู้สึกไหมว่า แม้จะนอนหลับอย่างเต็มที่ 7-9 ชั่วโมงต่อคืนแล้วก็ตาม แต่ยังคงรู้สึกง่วงบ่อย ๆ ? อาการเหล่านี้ไม่ได้บ่งบอกว่าคุณขี้เกียจหรือไม่กระตือรือร้น แต่อาจเป็นสัญญาณที่ร่างกายของคุณกำลังบอกถึงปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับสุขภาพที่ควรได้รับการใส่ใจ มาเรียนรู้สาเหตุว่าอาการง่วงนอนตลอดเวลานี้มีความเสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง พร้อมวิธีแก้ไขเพื่อฟื้นคืนพลังชีวิตกลับมา
สาเหตุของการง่วงนอนตลอดเวลา
- การนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ : แม้จะนอนครบชั่วโมง แต่หากคุณภาพการนอนไม่ดี เช่น การนอนไม่ต่อเนื่อง ตื่นบ่อย หรือไม่ได้เข้าสู่การนอนหลับลึก ร่างกายก็จะไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ ส่งผลให้เมื่อยามตื่นก็ยังคงรู้สึกง่วงนอนตลอดเวลา นอกจากนี้ การนอนในห้องที่มีแสงสว่างเกินไป เสียงดัง หรือมีการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน ก็สามารถรบกวนการนอนหลับได้เช่นกัน
- ภาวะการนอนหลับไม่ปกติ : เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ที่ทำให้การหายใจขาดเป็นช่วง ๆ ส่งผลให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ หรือโรคลมหลับ (Narcolepsy) ที่ทำให้สมองไม่สามารถควบคุมการหลับ-ตื่นได้ ทำให้เกิดอาการง่วงนอนตลอดเวลาและจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาจากแพทย์ผู้ชำนาญการ
- ภาวะซึมเศร้าและความเครียด : ภาวะทางจิตใจเหล่านี้ส่งผลต่อวงจรการนอนโดยตรง ทำให้นอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไป รวมถึงอาการเหนื่อยล้า ง่วงนอนบ่อย ๆ และขาดพลังงานแม้จะนอนเพียงพอแล้ว
- โรคเรื้อรังต่าง ๆ : เช่น โรคเบาหวาน ไทรอยด์ผิดปกติ โรคหัวใจ หรือโรคไตเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคเหล่านี้มักมีอาการง่วงนอนและอ่อนเพลีย รวมถึงการขาดสารอาหารสำคัญ เช่น ธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 และวิตามินดี
- ความไม่สมดุลของฮอร์โมน : โดยเฉพาะฮอร์โมนเมลาโทนินที่ควบคุมวงจรการนอนหลับ และฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เกี่ยวข้องกับความเครียด หากระดับฮอร์โมนเหล่านี้ผิดปกติ ก็อาจทำให้คุณรู้สึกง่วงนอนตลอดเวลา
สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
การง่วงนอนตลอดเวลานั้นอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยในบางคน แต่ถ้าคุณเริ่มสังเกตว่ามีอาการเหล่านี้บ่อย ๆ อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่สำคัญและควรได้รับการดูแล
ง่วงนอนในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม
หากคุณรู้สึกว่านอนเท่าไรก็ไม่เพียงพอไม่ว่าจะนอนมากแค่ไหน หรือมักง่วงนอนในสถานการณ์ที่ต้องการความตื่นตัว เช่น ระหว่างขับรถ ประชุม หรือทำงาน อาจเป็นสัญญาณที่ร่างกายกำลังบอกอะไรบางอย่างถึงปัญหาหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับการนอน เช่น
- โรคภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) ซึ่งเกิดจากการอุดกั้นทางเดินหายใจระหว่างการนอนหลับ
- โรคลมหลับ (Narcolepsy) ซึ่งเป็นภาวะที่สมองไม่สามารถควบคุมวงจรการหลับและการตื่นได้อย่างปกติ
- โรคโลหิตจาง (Anemia) เกิดจากการขาดสารอาหารหรือการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายขาดออกซิเจนและเกิดความง่วง
- โรคไทรอยด์ (Thyroid Disease) ภาวะที่มีความผิดปกติในการทำงานของต่อมไทรอยด์ ซึ่งอาจส่งผลให้รู้สึกง่วงนอนตลอดเวลา
- โรคเบาหวาน (Diabetes) ภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ อาจทำให้เกิดอาการง่วงนอนได้
ตื่นมาแล้วยังรู้สึกไม่สดชื่น
เคยไหมที่ตื่นมาด้วยความรู้สึกเหมือนไม่ได้พักผ่อนเลยทั้ง ๆ ที่ก็นอนไปแล้วมากกว่า 7 ชั่วโมง ? อาการนี้เกิดจากการนอนที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น การหลับลึก (Deep Sleep) ที่ไม่เพียงพอ หรือการถูกรบกวนขณะนอนโดยไม่รู้ตัว เช่น จากเสียงหรือปัญหาทางร่างกาย
ความเหนื่อยล้าที่ไม่หายไป
ความเหนื่อยล้าถาวรเป็นอาการที่ควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้เกิดจากการทำงานหนักหรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะอาจเกี่ยวข้องกับโรคหรือภาวะที่กระทบต่อระบบพลังงานของร่างกาย เช่น โรคโลหิตจางหรือปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมน
อาการอื่น ๆ
หากการง่วงนอนบ่อย ๆ มาพร้อมกับอาการทางร่างกายอื่น ๆ เช่น ปวดหัว เวียนศีรษะ หรือตาพร่า นั่นอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนมากขึ้น
นอนเยอะเกินไป ส่งผลเสียอะไรบ้าง ?
แม้การนอนหลับคือสิ่งจำเป็นต่อสุขภาพ แต่การนอนมากเกินไป (มากกว่า 9-10 ชั่วโมงต่อคืนเป็นประจำ) ก็อาจส่งผลเสีย เช่น
- สมองทำงานช้า รู้สึกเฉื่อยชา กลายเป็นคนไร้เรี่ยวแรง ไม่มีชีวิตชีวา
- เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานและโรคหัวใจ
- ภาวะมีบุตรยาก เนื่องจากฮอร์โมนและรอบเดือนเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ส่งผลให้ประจำเดือนไม่มาตามปกติ
- เกิดอาการอ่อนเพลียและปวดหัว
- ส่งผลต่ออารมณ์ ทำให้รู้สึกหดหู่และไม่มีพลังงาน
วิธีดูแลสุขภาพเพื่อหลีกเลี่ยงอาการง่วงนอนตลอดเวลา
- การปรับปรุงคุณภาพการนอน : เริ่มต้นแก้ปัญหาง่วงนอนตลอดเวลาได้ง่าย ๆ ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ห้องนอนควรมืด เงียบ และเย็นสบาย กำหนดเวลานอนและตื่นให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน และงดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้ร่างกายเข้าสู่การพักผ่อนได้ดีขึ้น
- การตรวจสอบสุขภาพ : ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี และตรวจเช็กระดับฮอร์โมน วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงประเมินภาวะซึมเศร้าและความเครียด หากพบปัญหาควรเริ่มการรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการลุกลามของอาการที่อาจเกิดขึ้น
- การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ : เลือกอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่มีธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 และโปรตีนสูง เช่น เนื้อปลา ผักใบเขียว และธัญพืชเต็มเมล็ด รวมถึงการดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดวันช่วยลดอาการอ่อนเพลีย นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงคาเฟอีนในช่วงบ่ายถึงเย็น เพื่อลดผลกระทบต่อการนอนหลับในตอนกลางคืน
- การฝึกผ่อนคลาย : สำหรับใครที่รู้สึกง่วงนอนบ่อย ๆ แนะนำอีกหนึ่งแนวทางแก้ปัญหา คือการฝึกผ่อนคลายทั้งกายและใจจะสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือการหายใจลึก ๆ ซึ่งช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล ส่งผลให้นอนหลับได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การออกกำลังกายสม่ำเสมอยังช่วยปรับสมดุลของพลังงาน แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วงก่อนนอน เพราะอาจทำให้ร่างกายตื่นตัวเกินไปจนส่งผลต่อการนอนหลับได้
การง่วงนอนตลอดเวลาไม่ใช่อาการที่ควรมองข้ามหรือปล่อยผ่านไป เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ หากพบว่ามีอาการดังกล่าวเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ควรรีบหาสาเหตุและแก้ไขอย่างเหมาะสม เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และกลับมามีความสดชื่นในการใช้ชีวิตประจำวัน
สำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูพลังงาน เติมความสดชื่น ลดความอ่อนเพลียและง่วงนอน ADDLIFE พร้อมให้บริการที่สามารถตรวจหาสาเหตุและทำการรักษาอาการอ่อนเพลียเรื้อรังได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัดระดับวิตามินและแร่ธาตุในเลือด การตรวจสุขภาพประจำปี หรือโปรแกรมออกซิเจนบำบัด ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ร่างกายกลับมาสดชื่น กระปรี้กระเปร่า พร้อมดำเนินชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครั้ง
ติดต่อเราเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.02 677 7077 หรือ LINE Official : @addlife
ข้อมูลอ้างอิง:
- Fatigue and Exhaustion: Causes, Symptoms, and Treatment. สืบค้นเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2567 จาก https://www.webmd.com/balance/how-tired-is-too-tired