ร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย อาการวัยทองที่ไม่ต้องทน
"วัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน” เป็นกระบวนการทางชีววิทยาตามธรรมชาติซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของวัยเจริญพันธุ์ของผู้หญิง โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นระหว่างอายุ 45 ถึง 55 ปี โดยอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 51 ปี วัยทองจะมาพร้อมกับอาการต่างๆ เช่น อาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน อารมณ์แปรปรวน และหลายคนเมื่อเข้าสู่ "วัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน” อาจมีอาการนอนไม่หลับ หลับยาก ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้หญิง
”วัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน” เกิดขึ้นได้จากอะไร
"วัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน” เกิดขึ้นเมื่อรังไข่ของผู้หญิงหยุดผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จำเป็น 2 ชนิด ที่ส่งผลต่อรอบเดือนและภาวะเจริญพันธุ์ เมื่อระดับฮอร์โมนลดลง อาจมีอาการต่างๆ เกิดขึ้นได้ดังนี้ :
- อาการร้อนวูบวาบและเหงื่อออกตอนกลางคืน
- ช่องคลอดแห้งและเจ็บระหว่างมีเพศสัมพันธ์
- อารมณ์แปรปรวน วิตกกังวล และซึมเศร้า
- รบกวนการนอนหลับและนอนไม่หลับ
- ความเหนื่อยล้าและระดับพลังงานต่ำ
- น้ำหนักเพิ่มขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของร่างกาย
- มีปัญหาเกี่ยวกับความจำและความสามารถในการรับรู้ลดลง
- เมื่อฮอร์โมนลดลงก็ส่งผลต่ออารมณ์ทางเพศที่ลดลง
- โรคกระดูกพรุนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแตกหักของกระดูกเมื่อเข้าสู่วัยทอง
การดูแลเชิงป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพสามารถนำมาปรับใช้การรักษาวัยทองได้อย่างไรบ้าง ?
เวชศาสตร์ชะลอวัยมุ่งเน้นไปที่การทำให้สุขภาพแข็งแรง ป้องกันโรคเรื้อรัง และปรับปรุง ฟื้นฟูคุณภาพชีวิตเมื่อเราอายุมากขึ้น เช่น การบำบัดด้วยฮอร์โมน, อาหารเสริมเฉพาะบุคคล การรักษาด้วยเทคโลยีด้านการแพทย์ รวมถึงวางแผนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เพื่อช่วยจัดการกับอาการ "วัยทองหรือวัยหมดประจำเดือน” โดยใช้หลักการดังนี้
1. การบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทน (Hormone Replacement Therapy): HRT เป็นการปรับสมดุลฮอร์โมนธรรมชาติของร่างกายด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนเพื่อช่วยบรรเทาอาการ "วัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน” และลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน โดยใช้ฮอร์โมนทดแทนที่เหมือนกับธรรมชาติที่ร่างกายเราสร้างขึ้น หรือที่เรียกว่า Bio-identical Hormones ซึ่งจะมีผลข้างเคียงที่น้อยกว่าฮอร์โมนสังเคราะห์ทั่วไป
2. เลือกอาหารและโภชนาการที่เหมาะสมกับ "วัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน” : อาหารที่สมดุลและอุดมด้วยอาหารที่ไม่ขัดสี รวมทั้งผลไม้ ผัก โปรตีนไม่ติดมัน เมล็ดธัญพืช และไขมันดี เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาสมดุลของฮอร์โมนและสุขภาพโดยรวมในช่วง "วัยทองหรือวัยหมดประจำเดือน” สารอาหารบางชนิด เช่น ไฟโตเอสโตรเจนที่พบในถั่วเหลือง เมล็ดแฟลกซ์ และพืชตระกูลถั่ว อาจช่วยบรรเทาอาการวัยทองได้
3. ปรับการออกกำลังกายให้เหมาะสมเมื่อเข้าสู่วัยทอง: การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถช่วยควบคุมการเพิ่มน้ำหนัก ทำให้อารมณ์ดีขึ้น ลดความเครียด และเสริมสร้างกระดูกในช่วงวัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน” อาจใช้วิธีการออกกำลังกายแบบแอโรบิกเพื่อฝึกความแข็งแรง ควบคู่กับการฝึกความยืดหยุ่นของร่างกาย
4. การจัดการความเครียด: ความเครียดเรื้อรังอาจทำให้อาการวัยทองรุนแรงขึ้นและส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม อาจใช้วิธีในการจัดการความเครรียด เช่น การทำสมาธิสติ, การฝึกหายใจลึกๆ หรือโยคะ สามารถช่วยจัดการกับความเครียดได้
5. เลือกอาหารเสริมหรือวิตามินเพื่อลดอาการวัยทอง: การเลือกวิตามิน แร่ธาตุ และอาหารเสริมบางชนิดอาจช่วยบรรเทาอาการ วัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน” ได้ เช่น แบล็กโคฮอช (Black Cohosh), โคลเวอร์แดง (Clover Flower Extract), น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส (Evening Primrose Oil), วิตามินดี (Vitamin D), แคลเซียม (Calcium), และแมกนีเซียม(Magnesiem) โดยก่อนเลือกรับประทานอาหารเสริมควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนเสมอ
การเพิ่มประสิทธิภาพการนอน: ในช่วง "วัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน” ควรได้รับการนอนหลับพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ 7-9 ชั่วโมงในแต่ละคืน และควรจัดตารางเวลาการพักผ่อนให้ตรงกันในทุกๆวัน หรือ การสร้าง "Biological Clock" หรือนาฬิกาชีวภาพให้ร่างกายของเรานั่นเอง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและนัดหมายเพื่อปรึกษาแพทย์
โทร 0-2677-7077
Facebook : ADDLIFECenter
Line: @addlife
www.add-life.org